ระบบโทรทัศน์วงจรปิด

ระบบโทรทัศน์วงจรปิด

ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด

ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (Closed Circuit Television : CCTV) คือระบบส่งสัญญาณภาพจากกล้องวีดีโอที่ออกแบบมาสำหรับติดตั้งในรูปแบบต่างๆ ในสถานที่ที่แตกต่างกันออกไป เช่น ในอาคาร หรือนอกอาคาร และส่งสัญญาณมายังส่วนกลางที่ประกอบด้วยเครื่องบันทึกภาพและแสดงภาพยังห้องควบคุมหรือส่วนกลาง กล้องวิดีโอ (CCTV Camera) คือส่วนที่ทำหน้าที่แปลงภาพผ่านเลนส์เป็นสัญญาณไฟฟ้าเพื่อส่งไปประมวลผลและส่งสัญญาณภาพไปยังส่วนควบคุม 

อุปกรณ์ประกอบที่ใช้ในระบบโทรทัศน์วงจรปิด

1. กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (Video Camera)
2. เลนส์ (Lenses)
3. เครื่องเลือก / สลับภาพ (Video Switcher) และเครื่องผสม / รวมภาพ (Multiple Screen Displays)
4. จอภาพ (Video Monitor)
5. เครื่องบันทึกภาพ (Video Recorder or Digital/Network Video Recorder)
6. อุปกรณ์เสริม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบโทรทัศน์วงจรปิด(Related Accessories for more efficiency CCTV System)
6.1. กล่องหุ้มกล้อง (Camera Housing)
6.2. ฐานกล้องปรับทิศทางได้ (Pan & Tilt units)
6.3. อุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (Other for integration)
7. ระบบการควบคุม (Control System)
8. อุปกรณ์อื่น ๆ ที่นำเข้าใช้เกี่ยวข้องกับระบบโทรทัศน์วงจรปิด

อุปกรณ์ประกอบที่ใช้ในระบบโทรทัศน์วงจรปิด

ช่วยด้านการรักษาความปลอดภัย ของบุคคลและสถานที่ช่วยในการตรวจสอบการทำงาน ของเครื่องจักร ในโรงงานอุตสาหะกรรมขนาดใหญ่ ที่ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติหรือการทำงานของพนักงาน ช่วยทำงานร่วมกับระบบควบคุมอาคารอัตโนมัติ เช่น ตรวจสอบจำนวนคนเพื่อการเปิด-ปิด เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ไฟแสงสว่าง หรือ เครื่องปรับอากาศ เป็นต้นหรือใช้งานร่วมกับระบบควบคุมการจราจร เช่น ตรวจสอบปริมาณรถยนต์ ฯ

โทรทัศน์วงจรปิด ส่วนมากที่ใช้งานในปัจจุบันนี้มี ๒ ลักษณะ คือ

1. กล้องแบบติดตั้งตายตัว (Fixed Camera)
2. กล้องแบบสามารถหมุนปรับทิศทางได้ (Moving Camera)
กล้องแบบติดตั้งตายตัว หรือ กล้องติดอยู่กับที่ (Fixed Camera) หมายถึงตัวกล้องจะติดตั้งอยู่บนขากล้องหรืออื่นๆ ซึ่งไม่สามารถจะขยับ หรือหมุนเปลี่ยนทิศทางในการดูได้ถ้าต้องการหมุนหรือเปลี่ยนทิศทาง ก็จะต้องถอดตัวกล้องแยกออกจากขากล้อง จึงจะเปลี่ยนตำแหน่งได้
กล้องแบบสามารถหมุนปรับทิศทางได้ (Moving Camera) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน ระบบโทรทัศน์วงจรปิด จึงได้มีการเพิ่มอุปกรณ์ประกอบเข้าไป คือ ฐานกล้องหมุนปรับทิศได้ สามารถที่จะปรับให้หมุนซ้าย / ขวา ก้ม-เงย ได้ ( Pan and Tilt unit ) และอาจจะมีอุปกรณ์อื่นเพิ่มอีก เช่น เลนส์ปรับขนาดภาพได้ (Zoom Lens) และ เครื่องหุ้มกล้อง (Camera Housing) เป็นต้น

ฐานกล้องหมุนปรับทิศได้ (Pan & Tilt unit ) เป็นอุปกรณ์ที่เพิ่มประสิทธิภาพให้กล้อง สามารถที่จะเปลี่ยนได้หลายทิศทาง ทั้งมุมต่ำ และมุมสูง เช่น กล้องที่ติดตั้งอยู่กับ Pan & Tilt unit ติดตั้งบนเสามีความสูงประมาณ ๑๐ เมตร สามารถที่จะปรับมุมก้มเพื่อจะดูวัตถุ หรือคนที่อยู่บนพื้นดิน ซึ่งมีระดับต่ำกว่าตำแหน่งที่ติดตั้งกล้อง หรือมุมเงยเพื่อมองไปยังอาคารที่สูงกว่า ไม่ว่าจะเป็นทิศทางตรงด้านหน้า หรือจะหมุนไป ยังทิศทางอื่นๆ ก็สามารถทำได้ การพิจารณาเลือกใช้ Pan & Tilt unit ควรเลือกให้เหมาะสมกับงาน เพื่อเป็นประหยัดเงิน และอื่นๆ เช่น ติดตั้งภายในอาคารสำนักงาน สภาพแวดล้อมปกติ ก็ควรใช้ Pan & Tilt unit ธรรมดาสำหรับที่ใช้ภายในอาคาร แต่ถ้าเป็นภายในอาคารของโรงงานอุตสาหกรรม จะต้องพิจารณาถึงสภาพแวดล้อมต่างๆ ประกอบด้วย เช่น มีฝุ่นละอองมากกว่าปกติ มีการกัดกร่อนของโลหะสูง ก็มีความจำเป็นที่ต้องใช้ Pan & Tilt unit ที่มีคุณสมบัติพิเศษ ให้เหมาะสมกับสภาพของสถานที่นั้นๆ ซึ่งอาจจะมีราคาค่อนข้างสูงจนถึงสูงมาก การติดตั้งภายนอกอาคาร ถ้าเป็นสถานที่สภาพแวดล้อมทั่วไปของท้องถิ่น (ประเทศไทย) ก็ใช้ Pan & Tilt unit สำหรับติดตั้งภายนอกอาคารที่มีความสามารถทนทนต่อแดดและฝนได้ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าเป็นภายนอกอาคารแต่อยู่ในบริเวณโรงงานอุตสาหกรรม จำเป็นจะต้องพิจารณาถึงสภาพแวดล้อมและองค์ประกอบอื่นๆ ด้วย เช่น ภายในบริเวณโรงกลั่นน้ำมัน สภาวอากาศจะเต็มไปด้วย ก๊าซ และ/หรือ ไอน้ำมัน ซึ่งเป็นสิ่งไวไฟ ง่ายต่อการติดไฟ จึงมีความจำเป็นจะต้องใช้ Pan & Tilt unit (และอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ) ที่มีการออกแบบมาเฉพาะสามารถป้องกันไม่ให้ประกายไฟ ที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการทำงานของอุปกรณ์ภายใน Pan & Tilt unit ออกไปภายนอกได้ อาจจะเป็นสาเหตุของการติดไฟ ทำให้เกิดไฟไหม้ หรือการระเบิด Pan & tilt unit ชนิดนี้จะต้องสามารถป้องกันประกายไฟ (Flameproof) ยุโรป หรือป้องกันการระเบิด (Explosionproof) สหรัฐอเมริกา การเลือกใช้ Pan & Tilt unit นอกจากเรื่องสถานที่ติดตั้งแล้ว จะต้องพิจารณาต่อไปด้วยว่า อุปกรณ์ที่จะใช้งานร่วมกับ Pan & Tilt unit นอกจากกล้องกับเลนส์ จะมีอุปกรณ์อื่นเพิ่มเติม เพราะว่าถ้ามีอุปกรณ์ประกอบมาก น้ำหนักก็จะต้องมากตามไปด้วย จำเป็นที่ต้องใช้ Pan & Tilt unit ที่สามารถจะรับน้ำหนักได้ทั้งหมด จะทำให้มีขนาดใหญ่ และราคาแพง Pan & Tilt unit บางชนิดสามารถที่หมุนได้รอบตัวได้ โดยที่ไม่ต้องหมุนกลับ (เพราะติดสายไฟ) บางชนิดมีวงจรความจำตำแหน่ง (Preset Function) ควรจะพิจารณาว่าสามารถเสริมพิเศษของ Pan & Tilt unit มีความจำเป็นเพียงใด เพราะราคาก็จะต้องสูงไปตามคุณสมบัติที่เพิ่มขึ้น นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว Pan & Tilt unit ยังมีอีกหลายแบบ เช่น บางแบบสามารถที่จะนำไปติดตั้งใต้น้ำได้ เป็นต้น ระบบไฟฟ้าภายในของ Pan & Tilt unit ต้องเป็นระบบไฟฟ้าชนิดเดียวกันกับ เครื่อง/ตัว ควบคุมการทำงาน เช่น 24 V.DC , 24 V.AC , 115 V.AC หรือ 220 V.AC เป็นต้น ถ้าใช้ระบบไฟฟ้าที่แตกต่างกัน จะทำให้ Pan & Tilt unit ไม่ทำงาน หรือ ชำรุดเสียหายได้ ถ้าระบบการส่งสัญญาณควบคุมของ Pan & Tilt unit เป็นการส่งแบบการผสม หรือฝากไปกับสัญญาณอื่นๆ เช่น ระบบ Digital , Microcomputer-Base เป็นต้น จะต้องมีการแปลงหรือแยกสัญญาณควบคุมฯ ออกจากสัญญาณที่เป็นตัวรับฝาก อุปกรณ์นี้เรียกว่า Receiver unit หรือ Driver unit หรือมีชื่อเป็นอย่างอื่น ตามแต่ผู้ผลิตจะเรียก โดยปกติ กล้องที่มี Pan & Tilt unit จะใช้เลนส์ที่สามารถปรับขนาดภาพได้ ควบคู่ไปด้วยกัน แต่ไม่จำเป็นเสมอไป ขึ้นอยู่กับงานที่ใช้ มากกว่า ในบางลักษณะอาจจะต้องการเพียงให้สามารถปรับทิศในการดูก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องการจะดูในรายละเอียด ในบางลักษณะก็มีความจำเป็นต้องการใช้เลนส์ที่สามารถปรับขนาดของภาพได้ เพื่อจะดูรายละเอียดของภาพที่ต้องการจะดูเพราะว่าระยะของวัตถุหรือจุดที่ต้องการจะดูในแต่ละทิศทางจะมีความแตกต่างกันไป

เลนส์ปรับขนาดภาพได้ ( Zoom Lens ) เป็นเลนส์ที่สามารถเปลี่ยนขนาดภาพได้ ( เปลี่ยน ความยาวโฟกัส) เลนส์ฯ ที่นำมาใช้กับ กล้องที่มี Pan & Tilt unit ส่วนมากจะเป็นชนิด ที่ควบคุมการทำงานด้วยมอเตอร์ เราจึงเรียกว่า Motorized Zoom Lens การเลือกใช้ Motorized Zoom Lens ควรจะเลือกให้เหมาะกับงานที่จะใช้ เพราะว่า Motorized Zoom Lens มีหลายแบบ หลายขนาดตามความยาวโฟกัส เช่น การใช้ภายในอาคาร มีพื้นที่ไม่ใหญ่ ก็ใช้ Motorized Zoom Lens ที่มีความยาวโฟกัสไม่มากนัก เช่น ๖ – ๓๕ ม.ม. ( ๖ เท่า) ถ้าเป็นอาคารที่มีขนาดใหญ่ หรือภายนอกอาคารพื้นที่กว้าง หรือต้องการจะดูให้เห็นรายละเอียดมากๆ ก็ควรใช้ Motorized Zoom Lens ที่มีความยาวโฟกัสมากขึ้น เช่น ๖ – ๖๐ ม.ม. ( ๑๐ เท่า) ถ้าติดตั้งนอกอาคาร หรือต้องการที่จะมองให้เห็นได้ไกล ก็ควรใช้ Motorized Zoom Lens ที่มีความยาวโฟกัสมากขึ้นไป เช่น ๖ – ๑๒๓ ม.ม. (๒๑ เท่า) เป็นต้น

เครื่องหุ้มกล้อง / กล่องหุ้มกล้อง (Camera Housing)
เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด มีความคงทนต่อสภาวะอากาศ สิ่งแวดล้อมต่างๆ สามารถที่จะนำกล้องไปติดตั้งใช้งาน ได้ทุกสถานที่ เพราะว่าเครื่องหุ้มกล้อง มีหลายชนิด หลายแบบ บางชนิดมีพัดลมช่วยระบายอากาศ ทั้งภายในและภายนอก บางแบบมีใบปัดน้ำฝนที่กระจกด้านหน้า บางชนิดมีการระบายความร้อนด้วยน้ำ เพื่อติดตั้งในบริเวณที่มีความร้อนสูง บางแบบมีการปิดผนึกอย่างดี สามารถป้องกันฝุ่นละอองได้ บางชนิดใช้โลหะพิเศษ เช่น Stainless-Steel เพื่อจะสามารถทนต่อการดักกร่อน (Corrosion proof) การเลือกใช้ Housing องค์ประกอบภายนอกได้กล่าวมาแล้วข้างต้น (เหมือนกับการเลือกใช้ ฐานกล้องหมุนปรับทิศทางได้ ) ขนาดของ Housing จะต้องมีขนาดที่สามารถที่จะรับกล้องกับซูมเลนส์ได้ และก็ควรที่มีที่ว่างเหลือไว้บ้าง เพื่อรับการขยายตัวของอากาศ และการหมุนเวียนของอากาศภายใน Housing ผู้ผลิตบางราย จะนำ Receiver unit ประกอบอยู่ภายใน Housing เลย ซึ่งเป็นประหยัดสายและสะดวกในการติดตั้ง แต่ควรคำนึงการซ่อม บำรุงรักษาบ้าง โดยปกติแล้วกล้องจะติดตั้งอยู่บนที่สูง หรือ สูงมาก เช่นบนยอดเสา บนหลังคาอาคาร เพราะว่า Receiver unit จะเป็นแผงวงจรอิเล็คทรอนิคส์ ซึ่งอาจจะชำรุดหรือเสียได้ ดังนั้นจึงควรที่จะติดตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สามารถตรวจซ่อมได้สะดวกจะดีกว่า.

การเปิด-ปิด ม่านรับแสง (Iris) ของ Motorized Zoom Lens มี ๒ ชนิด คือ

1. การเปิด-ปิดด้วยมือ (Manual Iris) การปรับขนาดของม่านรับแสง(Iris) ทำการเปิด หรือ ปิด ขนาดของรูรับแสง(Aperture) ด้วยตัวควบคุมการทำงาน ของเลนส์ ตัวควบคุมการทำงานของเลนส์จะต้องเป็นชนิดที่มี ปุ่ม/สวิทส์ เปิด-ปิด หรือปรับขนาดของม่านแสงได้ (Iris Control Function)
2. การเปิด-ปิด อัตโนมัติ (Auto Iris) การปรับขนาดของม่านรับแสง จะทำงานร่วมกับ การทำงานของกล้อง ตัวกล้องจะมีวงจรไฟฟ้าเพื่อจ่ายไฟให้กับเลนส์ การจ่ายไฟฟ้าให้กับเลนส์ฯ มี ๒ แบบคือ แบบสัญญาณภาพ (Video Type) ตัวกล้องจะจ่ายไฟฟ้าให้กับเลนส์ในลักษณะของสัญญาณภาพ โดยจะมีความเข้มของสัญญาณภาพที่แตกต่างกันไป ตามการเปลี่ยนแปลงของแสง เลนส์ที่จะใช้กับกล้องที่จ่ายไฟฟ้าแบบนี้ จะต้องมีแผงวงจร (Amplifier) เพื่อเปลี่ยนความแตกต่างของสัญญาณภาพให้เป็น การเปลี่ยนแปลงทางไฟฟ้า เพื่อให้อุปกรณ์ซึ่งคล้ายกับมอเตอร์ มีขนาดเล็กมาก เรียกว่า กัลวานอมิเตอร์ (Galvanometer) หรือเรียกเป็นอย่างอื่นแล้วแต่ผู้ผลิตจะเรียก ทำงาน เพื่อทำให้ม่านแสงเปิด หรือ ปิด ตามการเปลี่ยนแปลงของแสงแบบไฟตรง (DC Type) ตัวกล้องจะมีวงจรจ่ายไฟฟ้า จ่ายไฟกระแสตรง (DC) ให้กับเลนส์ เพื่อให้กัลวานอมิเตอร์ (Galvanometer) ทำงานโดยตรง เพื่อทำให้ม่านแสงเปิด หรือ ปิด ไปตามการเปลี่ยนแปลงของแสง

การเลือกชนิดของกล้องวงจรปิด

ชนิดของกล้อง กล้องวงจรปิดมีหลายชนิดหลายแบบ โดยแบบได้คร่าว ๆ ดังนี้ กล้องแบบ CS MOUNT เป็นกล้องที่ต้องใช้เลนส์ต่อกบกล้อง ทำให้เกิดภาพ ข้อดี คือ ภาพจะชัด เพราะเลนส์ที่ใช้เป็นเลนส์มาตรฐานขนาดใหญ่ กล้องแบบโดม เหมาะสำหรับสถานที่ที่ต้องการความสวยงามหรือไม่ต้องการให้สังเกตเห็นว่ามีการติดตั้งกล้องวงจรปิด ความละเอียดของภาพ (RESOLUTION) กล้องที่ให้ภาพจะชัดเจนหรือไม่ขึ้นอยู่กับชนิดของแผ่นรับภาพ CCD ซึ่งแบบได้ 2 แบบ คือ NORMAL RESOLUTON เป็นแบบที่มีความละเอียดของภาพปกติ ประมาณ 330 – 380 TV LINE HIGN RESOLUTION เป็นแบบที่มีความละเอียดของภาพสูงประมาณ 400 – 550 TV LINE หมายเหตุ กล้องที่มีความละเอียดของภาพสูงจะมีราคาสูงตามไปด้วย ความสามารถในการรับแสง (ILLUMINATION) กล้องที่มีความสามารถในการรับแสงต่ำ (LUX) จะสามารถใช้ในสถานที่ที่มีความสว่างน้อย (ในที่มืด) ได้ และราคาจะสูงตามไปด้วย

เลนซ์ (LENS)

การเลือกเลนซ์ มีความสำคัญในการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด หลักการทำงานของเลนซ์ เลนซ์จะตัวรวมแสงให้ภาพตกกระทบที่แผ่นรับภาพ CCD โดยมี IRIS , (ช่อง ให้แสงผ่าน) เป็นตัวกำหนดให้ภาพที่เกิดมีความเข้มของแสงตามต้องการ ถ้าในที่มีแสงมาก IRIS จะต้องเปิดน้อย ถ้าในที่มืดจะต้องเปิด IRIS ให้กว้างที่สุด ชนิดของเลนซ์ FIX IRIS IRIS ของเลนซ์จะไม่สามารถปรับได้ ทำให้จะต้องใช้ในสถานที่ภายในอาคาร ที่มีแสงสว่างคงที่ตลอดเวลา MANUAL IRIS IRIS ของเลนส์จะสามารถปรับได้ด้วยช่างเทคนิคที่ติดตั้งกล้อง เหมาะสำหรับงานในอาคารที่มีความสว่างในแต่ละห้องไม่เท่ากัน สามารถปรับแสงให้เหมาะสมในแต่ละห้องได้ AUTO IRIS เป็นเลนส์ที่ IRIS จะปรับขนาดการรับแสงเอง โดยอัตโนมัติขึ้นอยู่กับความเข้มของแสงที่ตกกระทบเลนส์ เหมาะสำหรับติดตั้งนอกอาคารที่ความสว่าง เปลี่ยนตามแสงอาทิตย์

อุปกรณ์ควบคุมและบันทึกภาพ

แบบใช้เทป (ANALOG)เครื่องแบ่งภาพ MULTIPLEXER เครื่องบันทึกภาพประกอบด้วย MULTIPLEXER (เครื่องแบ่งภาพ) ใช้ต่อกับกล้องได้ 4 ตัว, 8 ตัว และ 16 ตัว TIMELAPSE RECORDER (เครื่องบันทึกภาพ) ใช้บันทึกภาพด้วยเทป มีแบบ 24 ชั่วโมง 96 ชั่วโมง, 196 ชั่วโมง, 960 ชั่วโมง จอภาพ (MONITOR, TV) ใช้แสดงภาพแบบใช้ HARDDISK (DVR)

บันทึกภาพลง HARDDISK แบ่งได้ 3 ประเภท

แบบ CARD เป็น CARD ที่สามารถต่อกล้องได้ 4, 8, 16 ตัว โดยจะต้องใช้ COMPUTER
แบบ STANDALONE เป็นแบบ ที่ประกอบ COMPUTER มาจากโรงงานโดยตรงเป็นแบบ PC BASE
แบบ STAND ALONE NON PC เป็นแบบ อุปกร

ออกแบบติดตั้ง ระบบ CCTV 

ระบบกล้องวงจรปิดเป็นระบบรักษาความปลอดภัย โดยการใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด ไปติดตั้งตามจุดหรือสถานที่ต่างๆ ที่ต้องการที่จะจับตาดูความเคลื่อนไหวหรือป้องกัน การสูญเสียทรัพย์สินโดยไม่สามารถหาตัวคนผิดได้เลย ในระบบกล้องวงจรปิด งานที่จัดทำจะอยู่เรื่องของงานระบบการเดินท่อร้อยสายไฟ และสายสัญญาณของกล้อง ซึ่งในงานระบบการเดินสายสัญญาณ ยังแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะงานหลักคือ 

  1. การเดินท่อร้อยสายไฟและสายสัญญาณภายในอาคาร เป็นสัดส่วนของงานที่ต้องอาศัยความเรียบร้อยและความสวยงามเพื่อให้เหมาะสม กับสภาพหน้างานในแต่ละส่วนของอาคาร เช่นในบางสถานที่จำเป็นต้องมีการร้อยท่อสายไฟและสายสัญญาณผ่านยังห้องทำงานหรือห้องประชุมใหญ่ๆ ซึ่งอาจต้องเก็บท่อร้อยสายไฟ อย่างมิดชิดหรือในบางช่วงจะต้องทำงานโดยการร้อยท่อบนช่องฝ้า หรือ ต้องติดตั้งท่อ EMT ตามผนังของอาคารหรือเพดานสูงๆ ซึ่งลักษณะการทำงานเช่นนี้ เรามีทีมช่างผู้ชำนาญงานพร้อมทั้งผู้ออกแบบระบบการเดินสายการเลือกใช้อุปกรณ์ติดตั้งตามสถานที่ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม
  2.  การเดินท่อร้อยสายไฟและสายสัญญาณบริเวณนอกอาคาร ภายนอกอาคารก็เป็นงานที่ต้องการความสวยงามและความเรียบร้อยเป็นอย่างสูงเช่นกัน เพราะภายนอกอาคารจะมีผู้พบเห็น ก่อนภายในอาคารแน่นอน ซึ่งถ้ามีการทำงานที่ไม่เรียบร้อยย่อมทำให้เสื่อมเสียถึงตัวอาคารแน่นอน การเดินท่อภายนอกอาคารจะมีการทำงาน ในหลายๆลักษณะ เช่น บางสถานที่ต้องเดินสายจากอาคารหนึ่งไปยังอีกอาคารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน การทำงานลักษณะเช่นนี้จำเป็นต้อง มีการขุดเจาะถนนคอนกรีตเพื่อทำการฝังท่อสำหรับการเดินสายไปยังอาคารฝั่งตรงข้าม พร้อมทั้งต้องทำการเทคอนกรีตและปรับสภาพของถนน ให้ใช้งานได้เหมือนเดิมและเรียบร้อยต่อสายตาของผู้พบเห็นมากที่สุด หรือ ในบางสถานที่ต้องเดินสายในที่สูงเช่นระหว่างเสาไฟฟ้าถึงเสาไฟฟ้า เพื่อเข้าไปยังอาคาร การทำงานในลักษณะเช่นนี้ เรามีทีมช่างที่ชำนาญงานและผู้ออกแบบระบบการติดตั้งที่สามารถเลือกใช้อุปกรณ์ – พร้อมทั้งการออกแบบการเดินสายในลักษณะที่เหมาะสมกับสถานที่ต่างๆภายนอกอาคารเป็นอย่างดี 

ศัพท์และความหมายเกี่ยวกับ CCTV

ขนาดของฉากรับภาพ (CCD SIZE)
กล้องวงจรปิดในปัจจุบันมีขนาดของฉากรับภาพให้เลือกใช้อยู่ 3 ขนาดคือ 1/2″ , 1/3″ และ 1/4″ ขนาดที่ระบุนั้นจะวัดกันที่เส้นทแยงมุมของฉากรับภาพ จากการพัฒนาของเทคโนโลยีทำให้สามารถผลิตฉากรับภาพที่มีขนาดเล็กลง แต่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม ฉากรับภาพขนาด 1/2″ เริ่มล้าสมัยมีผู้ผลิตสินค้าออกมาน้อยลง ในทางกลับกันฉากรับภาพขนาด 1/4″ เริ่มมีผู้ผลิตป้อนเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ข้อดีของการที่ฉากรับภาพมีขนาดเล็กลง คือไม่ต้องใช้เลนส์ที่มีคุณภาพสูง เนื่องจากเลนส์สำหรับฉากรับภาพ ขนาดใหญ่จะต้องมีการแก้ไขในส่วนของความผิดเพี้ยนที่เกิดจากความโค้งของเลนส์

หน่วยประมวลผลภาพ (DSP)
หน่วยประมวลผลภาพ ถูกสร้างขึ้น และบรรจุเป็นส่วนหนึ่งของวงจรสำคัญ ในกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เพื่อทำการควบคุมคุณภาพของภาพให้คงที่ แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะเปลี่ยนไป ซึ่งจะทำงานได้รวดเร็ว และแม่นยำกว่ากล้องโทรทัศน์วงจรปิดแบบที่ไม่มีวงจรนี้อยู่ และวงจรนี้จะมีส่วนที่บรรจุข้อมูลการปรับแต่งสีมาตรฐาน ซึ่งจะไม่ลบหายไปแม้ว่าใช้งานอุปกรณ์แล้วเป็นเวลานาน ซึ่งกล้องแบบที่ไม่มีวงจรนี้อยู่ จะไม่สามารถให้คุณภาพของภาพและสีที่คงเดิม เมื่อใช้งานไปนานๆ

ความไวแสง (SENSITIVITY)
จากการก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้กล้องรุ่นใหม่มีความไวแสงมากขึ้น สามารถใช้งานในสภาวะที่ต่ำกว่า 1 LUX ซึ่งก็คือสภาพแสงที่พระอาทิตย์เริ่มตกดิน ตัวเลขสภาวะแสงนั้นบางท่านอาจไม่ทราบว่า มีค่าเท่าไรบ้างจึงขอยกตัวอย่างให้ดูดังนี้ แสงแดดจ้าในตอนกลางวัน 10,000 LUX ภายในสำนักงานทั่วไป 500 LUX ภายในลานจอดรถ 100 LUX แสงไฟถนน 10 LUX พระจันทร์เต็มดวง 0.1 LUX

ความคมชัดของภาพ (RESOLUTION)
ความคมชัดของภาพจะบ่งบอกได้จากรายละเอียด และความชัดเจนของภาพ ซึ่งจะระบุเป็นตัวเลขจำนวนเส้นสแกนภาพ (TVL) กล้องส่วนใหญ่จะมีให้เลือกใช้งานอยู่ 2 ขนาด คือ แบบธรรมดา 330 TVL ในกล้องสี และ 380 TVL ในกล้องขาวดำ แบบความคมชัดสูง 460 TVL ในกล้องสี และ 570 TVL ในกล้องขาวดำ

การปรับอัตราขยายอัตโนมัติ (AGC)
การปรับอัตราขยายสัญญาณจะใช้หลักการตรวจสอบความสว่างของภาพ เป็นตัวกำหนดอัตราขยายสัญญาณ ในกล้องบางรุ่นจะมีสวิตช์ ปิด/เปิด เพิ่มเติมภายนอกเพื่อเลือกใช้งาน หรือ เป็นปุ่มปรับขอบเขตการขยายสัญญาณ HYPERLINK “http://www.oms.co.th/tech_cam100.html”

ชัตเตอร์ อิเลคทรอนิคส์ (Electronic Shutter)
การทำงานจะคล้ายกับชัตเตอร์ของกล้องถ่ายรูป โดยจะมีความเร็วตั้งแต่ 1/50 ถึง 1/100,000 ซึ่งความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆ (1/50) จะทำให้ปริมาณแสงมาก และในทางกลับกันชัตเตอร์สูง (1/100,000) จะทำให้ปริมาณแสงน้อยซึ่งฟังก์ชั่นนี้สามารถใช้งานร่วมกับเลนส์ธรรมดาในพื้นที่สภาพแสงเปลี่ยนแปลงไม่มากได้ดีในกล้องบางรุ่น ฟังก์ชันนี้จะมีสวิตช์ ปิด/เปิด สำหรับเลือกใช้งานในกรณีที่ใช้ เลนส์แบบควบคุมรูรับแสงอัตโนมัติ(AUTO IRIS) หรือเป็นสวิตช์เลือกความเร็วชัตเตอร์สำหรับเลือกค่าที่เหมาะสม

การควบคุมรูรับแสงของเลนส์ (Auto Iris)
ในการใช้งานกล้องที่มีสภาวะแสงเปลี่ยนแปลงมาก เช่นในงานกลางแจ้ง จำเป็นที่จะต้องปรับรูรับแสงให้เหมาะสม เพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์ไม่สว่างหรือมืดเกินไป การควบคุมรูรับแสงนั้นมีด้วยกัน 2 แบบคือ
Video Drive การประมวลผลและการควบคุม(Process & Control) จะอยู่ภายในเลนส์ โดยเลนส์จะรับสัญญาณวีดีโอป้อนกลับจากกล้อง แล้วนำมาประมวลผลเป็นสัญญาณควบคุมเพื่อปรับขนาดของรูรับแสง จุดปรับแต่งระดับสัญญาณจะกระทำที่ตัวเลนส์ ดังนั้นการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงจะทำได้รวดเร็ว
Direct Drive ภาพในกล้องจะมีชุดประมวลผล(Process) แล้วส่งสัญญาณมาที่กลไกภายในเลนส์การปรับแต่ง ระดับสัญญาณจะกระทำที่กล้อง
ในการเลือกใช้งานนั้นขึ้นอยู่กับกล้องที่ใช้งานได้ทั้งสองแบบ ว่าสามารถตอบสนองการควบคุมแบบใด กล้องส่วนใหญ่ สามารถใช้โดยมีสวิตช์ เลือก

การเข้าจังหวะ (Synchronization)
การที่ภาพจากกล้องจะสามารถไปปรากฎที่จอมอนิเตอร์ได้อย่างถูกต้องโดยไม่มี การกระตุก หรือการเลื่อนไหล นั้นจะต้องมีสัญญาณซิงค์ (Sync) ที่สามารถอ้างอิงได้ แหล่งกำเนิดสัญญาณอ้างอิงที่นิยมใช้มีดังนี้
Power / Line Sync คือสัญญาณอ้างอิงที่สร้างขึ้นจากความถี่ของไฟกระแสสลับ ซึ่งอุปกรณ์สลับภาพ และจอภาพแสดงผลส่วนใหญ่จะใช้อ้างอิงอยู่แล้ว ดังในการใช้งาน ภาพที่ได้จะไม่มีการกระตุก หรือเลื่อนไหลเมื่อสลับภาพ
Internal Sync คือ สัญญาณอ้างอิงที่สร้างขึ้นเองภายในกล้อง ส่วนใหญ่กล้องที่ใช้ไฟ DC จะใช้วิธีนี้ ซึ่งกล้องที่ใช้สัญญาณอ้างอิงประเภทนี้เหมาะสมกับการใช้งานร่วมกับ อุปกรณ์ประเภท เครื่องแบ่งสัญญาณภาพ (Quad, Multiplex ) ซึ่งอุปกรณ์ประเภทนี้ไม่ต้องการสัญญาณซิงค์
External Sync คือการใช้อุปกรณ์ภายนอกทำหน้าที่สร้างสัญญาณอ้างอิงป้อนให้กับกล้อง และอุปกรณ์ในระบบ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีแต่จะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายสูง

การชดเชยภาพย้อนแสง (Black Light Compensation :BLC)
ปัญหาที่สำคัญอีกปัญหาหนึ่งของระบบ CCTV คือการที่มีแสงสว่างเป็นฉากหลังของวัตถุ ซึ่งจะพบเห็นได้บ่อยในกรณีที่ติดตั้งกล้องเพื่อจับภาพบริเวณทางเข้า-ออกอาคาร ซึ่งการใช้เลนส์แบบปรับรูรับแสงอัตโนมัติ (Auto Iris) ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ดี ในฟังก์ชั่นนี้จะใช้เทคนิคในการเพิ่มอัตราขยายให้วัตถุมีความสว่างมากขึ้นทำให้สามารถมองเห็นรายละเอียดของวัตถุได้ชัดเจน

การปรับความสมดุลของแสงสว่าง (Auto White Balance)
สภาวะของแสงภายในและภายนอกอาคาร หรือภายใต้แสงไฟชนิดต่าง ๆ จะมีอุณหภูมิสีที่ไม่เหมือนกัน การที่กล้องสีจะสามารถให้ภาพสีที่ถูกต้องในสภาวะของแสงแบบต่าง ๆได้นั้น จะต้องมีการปรับแก้โดยการปรับความสมดุลย์ของแสงสีขาว การปรับแก้ที่นิยมใช้มี 2 วิธีคือ
ATW (Automatic Tracing White Balance) จะทำการปรับความสมดุลย์ในตลอดช่วงของอุณหภูมิสี
AWC (Automatic White Balance Control) จะทำการปรับความสมดุลย์ในช่วงอุณหภูมิสีที่กำหนด

There are no comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Start typing and press Enter to search

Shopping Cart

ไม่มีสินค้าในตะกร้า